วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สมัครเข้าเฝ้าในหลวง

'สมัคร'เข้าเฝ้าฯ'ในหลวง'
'พระเทพฯ'ทรงห่วงใยสถานการณ์ทรงให้สภากาชาดจัดแพทย์พร้อม


"สมัคร"บินเข้าเฝ้า "ในหลวง"ที่พระราชวังไกลกังวล สื่อมวลชนไทย-เทศแห่ตามเกาะติดลุ้นระทึกแถลงด่วน! ลือกระฉ่อนกองทัพบีบให้ลาออก-ยุบสภา “สมเด็จพระเทพฯ” ทรงห่วงใยเหตุการณ์ กำชับให้สภากาชาดไทย จัดเตรียมบุคลากรให้พร้อม ขณะที่ม็อบพันธมิตรฯ
ทั่วสารทิศยังปักหลักเหนียวแน่น ท่ามกลางบรรยากาศแออัดเลอะเทอะ กลิ่นอึ-ฉี่โชยตลบอบอวล แกนนำงัดแผนดาวกระจาย 7 จุดใหญ่ เตรียมให้ทนายฟ้อง เรียกค่าเสียหาย
ตร. 16 ล้านบาท ด้านม็อบเสื้อแดงโผล่รวมตัวสนามหลวง“รอง โฆษก ตร.” ยังไม่รู้ที่มาแก๊สน้ำตาปริศนา “ผบช.ส.”เผยอาวุธปืนหาย 11 กระบอก “พัลลภ” ระบุคนไทยต้องยอมรับ
ความเจ็บปวดเพื่ออนาคต ส่วนกลุ่มนักวิชาการรวมตัวหาทางออกให้ประเทศ เรียกร้องถอยคนละก้าว พรรค ปชป. ถือโอกาสถล่มซ้ำรัฐบาล ย้ำไม่มีเอี่ยวพันธมิตรฯ ด้านโหร คมช.
นิมิตเห็นรัฐบาลแห่งชาติ หลังจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ระดมพลบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมากระทั่งยืดเยื้อมาถึงช่วงสายวันที่ 29 ส.ค. ตำรวจปราบจลาจลหลายกองร้อยถูกระดมเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่กองบังคับคดี ที่นำหมายศาลแพ่งไปปิดบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล 6 จุดเพื่อให้เคลื่อนย้ายการชุมนุม
ส่งผลให้เกิดการปะทะกันขึ้นหลายจุดทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายรายโดยเฉพาะบริเวณเวทีสะพานมัฆวานฯ ตอนแรกตำรวจควบคุมพื้นที่ไว้ได้
แต่ตกเย็นพอกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมาสมทบจำนวนมากจึงบุกเ ข้ายึดพื้นที่กลับคืนมาได้สำเร็จ นอกจากนี้ช่วงหัวค่ำม็อบบางส่วนไปรวมตัวกดดันที่หน้า บช.น. กระทั่งได้เกิด “แก๊สน้ำตา” ปริศนาขว้างใส่กลุ่มผู้ชุมนุมจึงล่าถอยไปรวมตัวกันอยู่ที่ทำเนียบฯ
มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะแน่นอน

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ประกาศจากท่านนายก


นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี



ย้ำว่า การดำเนินการต่างๆ

ของกลุ่มที่ออกมาก่อเหตุนั้น

เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ

พร้อมทั้งแต่งตั้ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

เป็นผู้ติดตามประสานงานต่อไป

พร้อมวิงวอนประชาชน

ให้ใช้วิจารณญาณในการติดตาม

สถานการณ์ในขณะนี้ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2551

“นายกฯ” จ้องฮั้วทหารเปิดปั๊มดีเซลขายน้ำมันชั้นเลว

“สมัคร” โยนหินถามทาง ส่อฮั้วทหาร ไอเดียบรรเจิดหนุน 3 เหล่าเปิดปั๊มขายดีเซลรัสเซียชั้นเลว ขายเฉพาะเกษตรกร ประมง โวยจะไปใช้ของดีให้มันแพงไปทำไม
วันนี้ (24 ส.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร ถึงกรณีการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากประเทศรัสเซีย ซึ่งราคาจะถูกกว่าในประเทศ 8 บาท/ลิตร ว่า ดำเนินการอยู่ แต่มีคนบอกว่าน้ำมันคุณภาพยังใช้ไม่ได้ เหมือนกับ 5 ปีก่อนเขาว่าอย่างนั้น คือ เขามีคนไม่อยากให้เราจะค้าขาย เขาจะเสียประโยชน์ เขาต้องหันหากำไรเยอะ เราก็บอกแล้วเวลาแพงล่ะ เพราะตอนนี้ลดราคาลงมายังเลิกบ่น“รถแทรกเตอร์ รถไถ รถต่างๆ พวกเกษตรเรือประมง ไปใช้ของดีเยี่ยมให้มันแพงไปทำไม ก็ไอ้ของที่เคยใช้เมื่อ 5 ปีก่อนมันถูกกว่า นี่ยิ่งถูกไปกว่า ก็ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรอื่นเลยครับ แต่ว่าของที่มันใช้มันเลวกว่า เพราะมันใช้ตามสภาพตามระดับ มันมีระดับของมันอยากจะใช้ของดีเอาไปเผาให้มันแพง คือ ใส่เครื่องป๊อกๆ อะไรต่างๆ ซึ่งมันใช้น้ำมันอย่างนั้นก็ได้ 5 ปีก่อนก็ใช้กันอยู่” นายสมัคร กล่าว นายสมัคร กล่าวอีกว่า แต่ปัจจุบันนี้ 5-6 ประเทศ รอบบ้านเราเขาใช้ แต่ของเราบอกต้องใช้ชั้นยอด น้ำมันต้องชั้นดี ตรงนี้ต้อง 0.9 0.035 ต้องใช้ให้ดี คือ ให้มันแพง ต้องการแพง พอเราขายถูกหน้างอไม่ยอม อยากจะอย่างโน้นอย่างนี้ ก็พยายามกันอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนบอกว่าเรื่องนี้ต้องดู จะทำอย่างนี้ได้อย่างไร ทำอย่างนี้ได้อย่างไรมันไม่มีเหตุผล ตอนลงทุนก็ไปลงทุนจะทำถึงจะซื้อจะขายควรจะราคายุติธรรม ทำกับพม่า พม่าก็ต้องได้ ทำกับจีนก็ต้องได้ ทำกับลาวก็จะต้องได้ แต่ปรากฏว่า กำลังนี้ลงทุนไปแล้วเซ็นสัญญาไม่ได้เพราะอะไร เพราะมีการกดราคา นี่มันเรื่องที่ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาลผมต้องรับผิดชอบ แต่ผมต้องคิด ผมไม่เลิกคิดครับ อย่างน้ำมันจะขาย เดี๋ยวจะขาย ขายราคาถูกกว่าลิตรละ 8 บาท เดี๋ยวจะมาส่งให้คนนี้ขาย จะมาส่งให้ทางนี้ขาย มารับมาขายเราต้องการ 20 เปอร์เซ็นต์เพื่อจะช่วยคนจน จะช่วยพวกเกษตรกร จะช่วยพวกรถบรรทุก เดี๋ยวจะมาขาย บอกในเมืองไม่ขาย ตรงนี้เกิดความคิดครับ นี่เป็นความคิดครับยังไม่ได้ทำ เดี๋ยวจะมาด่ากันอีก” นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร กล่าวเสนอความคิดว่า ก่อนนี้ปั๊มน้ำมันอยู่ที่หลักเมือง ตราสามทหาร ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตราสามทหาร แต่ก่อนทหารเขาดูแลเรื่องน้ำมันมาก่อน เพิ่งจะไปเป็น ปตท.ก็ไม่นานมานี้ ตนยังคิดเลยว่าจะเอาน้ำมันเข้ามานี้ จะให้ทหารดูแลเสียรู้แล้วรู้รอดไป น้ำมันที่จะขายถูก 20 เปอร์เซ็นต์ ที่จะขายเกษตรกรขายอะไรนี้ ทหารเรือให้ไปดู ให้ไปขาย ให้พวกเรือประมงเลยทางนั้น ทางทหารบกไปขายเกษตร ทหารอากาศขายทางนั้น เพราะน้ำมันสำรองของเรา สำหรับฝ่ายทหารของเรานี้ มีได้ไม่กี่วัน แต่ถ้าลองให้ทหารเป็นคนขายน้ำมันอย่างแต่ก่อนนี้ น้ำมันสำรองจะมีได้เป็น 100 วัน ให้เขาสต๊อกของเขา เขามีแท็งก์ฟาร์มมีอะไรของเขา แล้วให้เขาเป็นคนขาย มีกำไรนิดหน่อย ให้สวัสดิการทหาร “นี่ผมคิดนะครับ มาคิดให้ฟังก่อน ผมจะรอดูสิจะมีใครแหกปากต่อต้านคัดค้านอะไรอย่างไรไหม ก็แต่ก่อนทหารก็ดูแลน้ำมัน นี่ 20 เปอร์เซ็นต์ ที่อยากจะขายให้คนที่ถูกกว่าลิตรละ 8 บาทนี้ ยังดำเนินการไม่ได้ ยังคัดยังค้านยังโน่นยังนี่ จะให้สเปกต่างๆ ร่ายเลย คนขายก็จะเอาสเปกดีมา บอกก็เอาของดีมาเผาไปใส่เครื่องยนต์เกษตร ทำไมจะทำทำไม ไม่ได้วิ่งในเมืองไม่ใช่น้ำมันดีเซลวิ่งอยู่ใจกลางเมืองยุโรปอะไรต่างๆ ต้องใช้กับเครื่องยูโรวัน ยูโรทู ยูโรทรี จนจะตายอยู่แล้วจะใช้ยูโรโฟร์ อย่างนี้นะครับ ผมก็คิดของผมอะไรต่างๆ นี่อย่างผมยังไม่ได้พูดกับทหารนะครับ แต่พูดกับเจ้าของประเทศก่อน ว่าผมจะลอง จะขอขาย 20 เปอร์เซ็นต์นี้ ให้ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ เป็นคนขายเลย ส่งให้พวกนี้ขายแล้วก็มีกำไรเล็กน้อยเป็นสวัสดิการทหาร ดูสิว่าเป็นอย่างไร ดูสิจะมีใครแหกปากอะไรอีก นี่คิดนะครับยังไม่ได้ทำ” นายสมัคร กล่าวโยนหินถามทางพร้อมกับท้าทาย

อ้างอิงจาก http://www.manager.co.th

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551

จวก “สมัคร” ไม่ป้องกระบวนการยุติธรรม

จวก “สมัคร” ไม่ป้องกระบวนการยุติธรรม

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันที่ 16 ส.ค. เมื่อ 10.00 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวตามยุทธศาสตร์ดาวกระจายไปยังสถานทูตอังกฤษในวันที่ 19 ส.ค. ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะนัดรวมตัวบริเวณสถานทูตอังกฤษ เวลา 10.00 น. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อไปชี้แจงกับทูตนานาประเทศ กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยกล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยไม่โปร่งใส กลุ่มพันธมิตรฯต้องไปชี้แจงทำเข้าใจว่า กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำผู้มีอำนาจทางการเมืองมาดำเนินคดีได้ การทำงานอย่างตรงไปตรงมาตัดสินคดีต่างๆ จากข้อมูลของ คตส.ที่ส่งให้ ป.ป.ช. และส่งไปให้ อัยการสูงสุดได้ตัดสิน ส่วนการเดินทางไปยังสถานทูตอังกฤษ ทางพันธมิตรฯจะเคลื่อนไปอย่างสงบสันติ นอกจากนี้ นายพิภพยังกล่าวตำหนินายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ออกมาปกป้องกระบวนการยุติธรรม และปล่อยให้คนพรรคพลังประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งองค์กรอิสระในการทำหน้าที่ตรวจสอบคดีทุจริตต่างๆ

ตร.ไม่วิตกพันธมิตรฯเคลื่อนขบวน

ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เตรียมใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจายเพื่อเคลื่อนขบวนไปตามหน่วยงานราชการต่างๆ ในสัปดาห์หน้าว่า เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ ซึ่งตำรวจก็มีหน้าที่ที่จะต้องคอยดูแลความเรียบร้อย และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นเพราะพูดมาหลายครั้งแล้วว่า จะดูแลให้อย่างเต็มที่จึงไม่ต้องวิตกกังวลอะไร เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯอาจนำเอากรณีการลี้ภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นข้ออ้างในการเคลื่อนไหวหรือเรียกร้องต่างๆ จนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น
พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า เรื่องนี้ตำรวจได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมายหมดแล้ว และไม่ได้ทำอะไรออกนอกหน้าที่หรือทำอะไรเป็นกรณีพิเศษ จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เกิดปัญหา ความรุนแรงขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปีที่ 59 ฉบับที่ 18471 วันอาทิตย์ ที่ 17 สิงหาคม 2551
http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics&content=100895

วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2551

แถลงการณ์ทักษิณ โบกมือลาแผ่นดินไทย

แถลงการณ์ทักษิณ โบกมือลาแผ่นดินไทย

วันอังคาร ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2551 09:05 น.เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ส่งแถลงการณ์จากลอนดอนประเทศอังกฤษเขียนด้วยลายมือตัวเอง อ้างถึงเหตุผลการไม่เดินทางกลับมาสู้คดีที่ประเทศไทย แถลงการณ์เรื่อง การไม่ไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ก่อนอื่นกระผมต้องกราบขอประทานอภัยต่อคณะผู้พิพากษาคดีที่ดินรัชดาและพี่น้องประชาชนผู้สนับสนุนผมทุกผ่าน ที่ผมและภรรยาได้เดินทางมาพำนักที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศที่ยึดหลักการประชาธิปไตยเหนือสิ่งอื่นใด และไม่ได้ไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง
สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมและครอบครัว พร้อมกับบุคคลใกล้ชิดเป็นผลพวงต่อเนื่องมาจากความต้องการขจัดผมออกจากการเมือง ด้วยการพยายามลอบสังหาร ตามมาด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร แต่งตั้งคณะบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์มาสอบสวนดำเนินคดีเฉพาะตัวผมและครอบครัว ร่างรัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจเผด็จการ แต่งตั้งบุคคลที่สนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหารทั้งทางตรงและทางอ้อมเข้าไปเป็นกรรมการในองค์กรต่างๆ เพื่อดำเนินการกับผม
เมื่อมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังคงเลือกพรรคพลังประชาชน ที่ผู้สมัครส่วนมากมาจากพรรคไทยรักไทยเดิมให้กลับคืนมาทำหน้าที่ตัวแทนของพวกเขา
ผมคิดว่าสถานการณ์คงจะดีขึ้น ผมคงจะมีโอกาสได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์และได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 แต่เหตุการณ์กลับยิ่งเลวร้ายลงเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมและครอบครัวเป็นเสมือนผลไม้ที่เกิดจากต้นไม้ที่เป็นพิษ ผลของมันก็ย่อมเป็นพิษตามไปด้วย นั่นก็คือ ยังคงมีการสืบทอดระบอบเผด็จการในการจัดการ การเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตย ตามมาด้วยการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยเอาผลลัพธ์ที่อยากจะได้เป็นตัวตั้ง เพื่อจัดการกับผมและครอบครัว ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้ถือว่าผมเป็นศัตรูทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงระบบกฎหมาย ระบบข้อเท็จจริง และการสอบสวนดำเนินคดีตามหลักนิติธรรมสากล ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายว่าด้วยพยานหลักฐาน การบังคับใช้กฎหมายที่มีผลเป็นโทษย้อนหลัง ไม่ยอมใช้หลักนิติธรรมและหลักนิติรัฐ ผมและครอบครัวได้ถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้มาอย่างต่อเนื่อง การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และการใช้ระบบ 2 มาตรฐานที่เห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้ผมและครอบครัว พร้อมด้วยผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับความเป็นธรรมก็นับว่าหนักหนาแล้ว แต่ยังเทียบไม่ได้กับคนที่ระบบกระบวนการยุติธรรมของประเทศและองค์กรที่เกี่ยวข้องที่มีเกียรติ มีความน่าเชื่อถือสั่งสมมาเป็นเวลายาวนานต้องเสื่อมลง เพราะถูกนำมาใช้ทางการเมือง จนความเป็นกลางซึ่งเป็นผลเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวง
นอกจากนี้ ผมได้รับข่าวสารตลอดเวลาว่า ชีวิตของผมไม่ปลอดภัย เดินทางไปไหนมาไหนจึงต้องใช้รถกันกระสุนนี่คือผลที่ได้รับจากการที่ผมอาสาเข้ามาทำงานรับใช้ประเทศชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน ด้วยความทุ่มเททำงานอย่างหนักมาตลอดเวลาเกือบ 6 ปี ที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ผมจึงต้องกราบขออภัยอีกครั้งหนึ่งที่ต้องตัดสินใจอยู่ที่ประเทศอังกฤษและขอยืนยันว่า
1.ผมและครอบครัวมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ทุกพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้ แม้ว่ามีผู้จงใจใส่ร้ายมาตลอด
2.ถึงแม้ผมไม่ใช่คนดีสมบูรณ์แบบ แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้เลวอย่างที่ถูกกล่าวหา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผมจะแถลงความจริงให้ทุกท่านทราบ วันนี้ยังไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนผมอดทนอีกนิดหนึ่งครับ
3.หากผมยังมีวาสนา ผมจะขอกลับมาตายบนผืนแผ่นดินไทยเฉกเช่นคนไทยทุกคนครับ

ด้วยความเคารพรัก
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร



อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์มติชน


วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สมัคร เยือนจีน7-9สิงหาคม ร่วมเปิดโอลิมปิก2008พรุ่งนี้

สมัคร เยือนจีน7-9สิงหาคม ร่วมเปิดโอลิมปิก2008พรุ่งนี้

วัน พฤหัสบดี ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2551 11:42 น.นายกรัฐมนตรีไทย พร้อมคณะออกเดินทางวันนี้ เพื่อไปเยื่อนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 7-9 สิงหาคม พร้อมเข้าร่วมพิธีเปิดกี ฬาโอลิมปิก 2008 พรุ่งนี้ (8ส.ค.)
นายสมัคร สุนทรเวช(7ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.40 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิโดย เที่ยวบิน TG614 ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงปักกิ่ง เพื่อเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 7-9 สิงหาคม 2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 ในวันที่ 8 สิงหาคม และถือโอกาสนี้เข้าพบหารือกับนายเวินเจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน


นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงปักกิ่ง เวลา 16.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นเวลา 17.10 น.นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อเฝ้าทูลละออง พระบาทรับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการพระราชทานเลี้ยงนักกีฬาและแขกชาวจีน ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ส่วนในศุกร์ที่ 8 สิงหาคม ช่วงเช้า เวลา 7.50 น. นายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองพระบาท รับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ที่ทำการแห่งใหม่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ต่อมา เวลา 8.18 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงวางศิลาฤกษ์อาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง แห่งใหม่ เวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังมหาศาลาประชาชนเพื่อพบหารือกับนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน โดยในช่วงเที่ยง ประธานาธิบดีจีนเป็นเจ้าภาพเลี้ยง อาหารกลางวันต้อนรับเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและผู้นำประเทศต่างๆ โดยสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงร่วมเป็นแขกในงานนั้น เวลา 14.00 น. นายกรัฐมนตรีเข้าพบหารือกับนายเจี่ย ชิ่งหลิน ประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติ ในช่วงบ่าย 15.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเยี่ยมชมวัดหลิงกวง เวลา 20.00 น. นายกรัฐมนตรี และ นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังสนามกีฬา แห่งชาติ เพื่อชมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปักกิ่ง 2008 โดย สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงร่วมงาน ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดการแข่งขัน เวลา 23.30 น. นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองพระบาท กราบบังคมทูลลาสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ โรงแรมที่ประทับ และในวันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม เวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงปักกิ่ง โดยเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ TG 675 กลับกรุงเทพฯ ถึงท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ เวลา 12.40 น

อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://news.sanook.com/politic/politic_295001.php